บางครั้ง(หรือหลายๆครั้ง) ก็รู้สึกเสียใจไม่น้อยกับนิสัย"ปากไว" ของตัวเอง คำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากโดยไม่ผ่านกระบวนการกลั่นกรอง จะไม่เสียใจสักนิดถ้ามันเป็นคำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี แต่มันกลับกลายเป็นการตำหนิ ติเตียน พูดในด้านลบ ทำให้เป็นการทำร้ายความรู้สึกของเขา
ล่าสุดที่ทำให้รู้สึกแย่คือ เมื่อวันก่อน ยายทำกับข้าวให้กิน(ปกติก็ทำให้กินทุกมื้อ) แต่มื้อนี้มันเหมือนเป็นเมนูที่เราไม่ค่อยพิศวาสเท่าไหร่ ยิ่งครั้งนี้ยายบอกว่าเครื่องปรุงมีไม่ครบรสชาติอาจเพี้ยนไป เราก็เลยลองชิมดู ปรากฏว่ามันเพี้ยนจริงๆ แล้วมันก็อร่อยน้อยกว่าทุกครั้ง บวกกับความที่ไม่ใช่อาหารจานโปรด คำพูดก็พุ่งออกมาจู่โจมคนทำเลยทันที คือถ้าพูดนิดๆหน่อยๆก็ยังโอเค แต่เราย้ำคิดย้ำพูดอยู่นั่นแหละ จนอีกฝ่ายเงียบไปเลย
ตอนพูดเสร็จก็ไม่ได้มาฉุกคิดอะไรหรอก แต่พอเวลาผ่านไปสักแปป ความทรงจำตอน ม.ต้น ก็ลอยขึ้นมา ตอนนั้นน่าจะอยู่ ม.3 ได้รู้จักกับพี่คนหนึ่ง พี่เขามาสอนศาสนา เราจะเจอกันทุกวันพฤหัสของอาทิตย์ แบ้วมีอยู่อาทิตย์หนึ่ง พี่เขาก็ได้หยิบยกหัวข้อการเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ไม่ดีของตัวเองขึ้นมาพูด แล้วถามเราว่า "ตั้งแต่นี้ต่อไป คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ไม่ดีอะไรของตัวเองบ้าง?" เราจำคำตอบของตัวเองไม่ได้หรอก แต่ที่แน่ๆเราจำคำตอบของพี่เขาได้ดี "สำหรับพี่นะ ตอนนี้อยากจะเปลี่ยนแปลงนิสัยไม่ดีของตัวเองอยู่อย่างหนึ่งคือ พี่เป็นคนที่ชอบบ่นแม่ว่าทำอาหารไม่อร่อย เดี๋ยวก็หวานบ้าง เค็มบ้าง ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าแม่จะรู้สึกยังไง ต่อไปนี้พี่อยากชมแม่บ้าง" คำพูดในตอนนั้นมันลอยขึ้นมาในหัว ทำให้รู้สึกผิดมากๆที่พูดกับยายแบบนั้น แต่ก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้สำหรับกับข้าวมื้อนั้น
ครั้งนี้มันเป็นบทเรียนทำให้เราหันมาใส่ใจที่จะกลั่นกรองคำพูดก่อนที่จะพูดออกมาให้มากขึ้น เราอยากที่จะพูดออกมาแล้วทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกดีมากกว่าที่จะรู้สึกเสียใจ ถึงแม้ครั้งนั้นเราจะไม่พึงพอใจในรสชาติอาหาร แต่เราก็ควรสำนึกในสิ่งที่คนทำตั้งใจทำให้เรากิน ถึงรสชาติไม่อร่อยแต่ก็ได้อิ่มท้อง เราคาดหวังมากๆว่าเราจะสามารถแก้ไขส่วนนี้ของเราให้ดีขึ้น เราหวังว่าเราจะทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูดน้อยลงเรื่อยๆ
วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557
วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557
บ่น 004
การที่เราถูกผู้คนตำหนิกับการที่เราถูกชมเชย ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้แรงผลักดันแก่เราทั้งคู่ แต่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันลิบลับ...
ยังไงก็ตามแต่ ไม่ว่าคำดูถูก คำติฉินนินทา คำชื่นชมหรือการยกย่อง ล้วนเแต่เป็น "เชื้อเพลิง" ที่ถูกราดลงไปในกองไฟที่อยู่ในตัวเรา ทำให้มีแรงฮึ้ดขึ้นมา
ยิ่งดูถูกยิ่งอยากทำให้ดีขึ้น
ยิ่งชมเชยก็ยิ่งอยากทำให้ดีขึ้น
คำพูดใครบางคนอาจทำให้ทำถึงกับเป๋หรือหยุดชะงัก คำพูดของใครอีกคนอาจทำตัวเราลอยขึ้นสูงลิ่ว
แต่คำพูดของคนอื่น ก็ย่อมเป็นคำพูดของคนอื่นอยู่วันยังค่ำ จะสู้พลังแห่งความเชื่อมั่นในตัวเองของเราได้อย่างไรกัน? ท้ายที่สุดเราก็ต้องมีจิตใจที่หนักแน่น มองข้ามบางอย่าง(อย่างมีเหตุผล)ที่คนรอบข้างพูด และเชื่อมั่นในตนเองให้มากขึ้น
ยังไงก็ตามแต่ ไม่ว่าคำดูถูก คำติฉินนินทา คำชื่นชมหรือการยกย่อง ล้วนเแต่เป็น "เชื้อเพลิง" ที่ถูกราดลงไปในกองไฟที่อยู่ในตัวเรา ทำให้มีแรงฮึ้ดขึ้นมา
ยิ่งดูถูกยิ่งอยากทำให้ดีขึ้น
ยิ่งชมเชยก็ยิ่งอยากทำให้ดีขึ้น
คำพูดใครบางคนอาจทำให้ทำถึงกับเป๋หรือหยุดชะงัก คำพูดของใครอีกคนอาจทำตัวเราลอยขึ้นสูงลิ่ว
แต่คำพูดของคนอื่น ก็ย่อมเป็นคำพูดของคนอื่นอยู่วันยังค่ำ จะสู้พลังแห่งความเชื่อมั่นในตัวเองของเราได้อย่างไรกัน? ท้ายที่สุดเราก็ต้องมีจิตใจที่หนักแน่น มองข้ามบางอย่าง(อย่างมีเหตุผล)ที่คนรอบข้างพูด และเชื่อมั่นในตนเองให้มากขึ้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)