วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

         บางครั้ง(หรือหลายๆครั้ง) ก็รู้สึกเสียใจไม่น้อยกับนิสัย"ปากไว" ของตัวเอง คำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากโดยไม่ผ่านกระบวนการกลั่นกรอง จะไม่เสียใจสักนิดถ้ามันเป็นคำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี แต่มันกลับกลายเป็นการตำหนิ ติเตียน พูดในด้านลบ ทำให้เป็นการทำร้ายความรู้สึกของเขา
         ล่าสุดที่ทำให้รู้สึกแย่คือ เมื่อวันก่อน ยายทำกับข้าวให้กิน(ปกติก็ทำให้กินทุกมื้อ) แต่มื้อนี้มันเหมือนเป็นเมนูที่เราไม่ค่อยพิศวาสเท่าไหร่  ยิ่งครั้งนี้ยายบอกว่าเครื่องปรุงมีไม่ครบรสชาติอาจเพี้ยนไป เราก็เลยลองชิมดู ปรากฏว่ามันเพี้ยนจริงๆ แล้วมันก็อร่อยน้อยกว่าทุกครั้ง บวกกับความที่ไม่ใช่อาหารจานโปรด คำพูดก็พุ่งออกมาจู่โจมคนทำเลยทันที คือถ้าพูดนิดๆหน่อยๆก็ยังโอเค แต่เราย้ำคิดย้ำพูดอยู่นั่นแหละ จนอีกฝ่ายเงียบไปเลย
         ตอนพูดเสร็จก็ไม่ได้มาฉุกคิดอะไรหรอก แต่พอเวลาผ่านไปสักแปป ความทรงจำตอน ม.ต้น ก็ลอยขึ้นมา ตอนนั้นน่าจะอยู่ ม.3 ได้รู้จักกับพี่คนหนึ่ง พี่เขามาสอนศาสนา เราจะเจอกันทุกวันพฤหัสของอาทิตย์ แบ้วมีอยู่อาทิตย์หนึ่ง พี่เขาก็ได้หยิบยกหัวข้อการเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ไม่ดีของตัวเองขึ้นมาพูด แล้วถามเราว่า "ตั้งแต่นี้ต่อไป คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ไม่ดีอะไรของตัวเองบ้าง?" เราจำคำตอบของตัวเองไม่ได้หรอก แต่ที่แน่ๆเราจำคำตอบของพี่เขาได้ดี "สำหรับพี่นะ ตอนนี้อยากจะเปลี่ยนแปลงนิสัยไม่ดีของตัวเองอยู่อย่างหนึ่งคือ พี่เป็นคนที่ชอบบ่นแม่ว่าทำอาหารไม่อร่อย เดี๋ยวก็หวานบ้าง เค็มบ้าง ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าแม่จะรู้สึกยังไง ต่อไปนี้พี่อยากชมแม่บ้าง" คำพูดในตอนนั้นมันลอยขึ้นมาในหัว ทำให้รู้สึกผิดมากๆที่พูดกับยายแบบนั้น แต่ก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้สำหรับกับข้าวมื้อนั้น
         ครั้งนี้มันเป็นบทเรียนทำให้เราหันมาใส่ใจที่จะกลั่นกรองคำพูดก่อนที่จะพูดออกมาให้มากขึ้น เราอยากที่จะพูดออกมาแล้วทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกดีมากกว่าที่จะรู้สึกเสียใจ ถึงแม้ครั้งนั้นเราจะไม่พึงพอใจในรสชาติอาหาร แต่เราก็ควรสำนึกในสิ่งที่คนทำตั้งใจทำให้เรากิน ถึงรสชาติไม่อร่อยแต่ก็ได้อิ่มท้อง เราคาดหวังมากๆว่าเราจะสามารถแก้ไขส่วนนี้ของเราให้ดีขึ้น เราหวังว่าเราจะทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูดน้อยลงเรื่อยๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น