ช่วงวันที่ 4-16 กุมภาพันธ์นี้ ทางจังหวัด"โคราช" ได้จัดการแข่งขันจักรยานถนนชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 35 และเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย
ครั้งที่ 22 “ไนท์ แชมเปี้ยนชิพส์” ซึ่งเป็นการแข่งในเวลากลางคืนครั้งแรกของโลกด้วย ซึ่งครั้งนี้เรามีโอกาสได้ดูถ่ายทอดสดการแข่งขันรุ่นเยาวชนชายทางช่อง thai pbs ด้วย (ที่บ้านเป็นโอตาคุจักรยาน โดยเฉพาะแม่ พ่อก็เป็นแต่น้อยกว่าแม่ เราจึงได้รับอิทธิพลและซึมซับเรื่องจักรยานมาจากที่บ้าน)
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ดูแข่งจักรยาน ดูแล้วมันสนุกดี ชายหนุ่ม(รุ่นเยาวชน เอ๊าะๆ รุ่นราวคราวเดียวกัน) ปั่นแข่งกันไม่หยุดไม่หย่อน อีกทั้งต้องทำงานกันเป็นทีม มีการวางแผนเป็นเรื่องเรื่องเป็นราว ไม่ใช่ปั่นๆไปข้างหน้าให้ถึงเส้นชัยอย่างเดียวเหมือนที่เราเคยเข้าใจ ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้มีนักกีฬาหลายชาติที่เข้าร่วมการแข่งขัน หนึ่งในนั้นคือ "ญี่ปุ่น" (บล็อกนี้เป็นบล็อกที่ติ่งญี่ปุ่นมาก 5555) หนุ่มยุ่นอายุพอๆกันกับเราเลย ใส่ชุดสีขาว โดยที่คนพากย์ได้บอกถึงการทำงานเป็นทีมของญี่ปุ่นอย่างยอดเยี่ยม เขาก็บรรยายนู่นนี่ไป จนกระทั่งบอกว่า 'ทีมญี่ปุ่นก่อนมาแข่งที่นี่ ได้ไปเก็บตัวที่เชียงรายประมาณเดือนหนึง' พูดเท่านั้นแหละ เรานี่ *อ๋อ* ออกมาเลย นึกขึ้นได้เลยว่า ช่วงเดือนที่ผ่านมามีนักปั่นจักรยานญี่ปุ่นมาซ้อมเก็บตัวแถวบ้านเรานี่เอง
ช่วงก่อนๆ เรากับเพื่อนมักจะชวนกันไปที่ถนนใหญ่เพื่อ...พากันไปดูหนุ่มญี่ปุ่นปั่นจักรยาน...(โดยที่ไม่รู้เลยว่าคือนักปั่นทีมชาติ)55555 พวกนางน่ารักกันมากกกกก ใส่ชุดปั่นแล้วดูหล่อดูเท่ มีหลากหลายไซส์มาก บางคนถ้าเป็นรุ่นใหญ่ก็จะสูงใหญ่กันมาก แต่ถ้ารุ่นเยาวชนนี่จะเตี้ยๆ ป้อมๆ ขาเป็นมัดเลย 55555 แต่คาวาอี้มากกก เวลาพวกนางปั่นผ่าน เราจะแอบหลบๆมุมแล้วจะโกนออกไปว่า "กัมบาเระ" หรือไม่ก็ 'คาวาอี้' พวกนางก็ปั่นกันอย่างไม่หยุดไม่ยั้ง เหงื่อท่วมโชกตัว ปั่นกันเป็นกลุ่มอย่างแข็งขัน บางครั้งเราก็ต้องคอยลุ้นตอนรถสิบล้อ หรือรถพ่วงขับผ่านพวกนาง เพราะถนนมันแคบ รถเยอะ และอันตรายมาก แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
จนมาเจอพวกนางในทีวีและ...ได้แชมป์ (จริงๆเราเชียร์ทีมไทยนะ >O<)
ถึงแม้จะไม่รู้จักกัน แต่เราแอบไปส่องบ่อยๆ แอบเป็นกำลังใจให้อย่างเงียบๆ ตอนดูทีวี ได้เห็นตั้งแต่ออกสตาร์ทไปจนถึงตอนเข้าเส้นชัย ฉันล่ะภูมิใจในตัวพวกนายจริงๆ สมแล้วกับที่พวกนายฝึกซ้อมอย่างหนักเป็นเดือนๆ ชื่นชม ปลาบปลื้ม ปลื้มใจ จริงๆ
ไว้ปีหน้ามาปั่นแถวบ้านเราอีกนะ
คนนี้เข้าคนแรก เห็นหน้าไม่ชัด แต่จำหน้าคนหนึ่งในทีมได้ เห็นปั่นไปซื้อหมูปิ้งที่ตลาด 555
Chessa K.
วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2558
เด็ก(พาร์ทไทม์)ของฉะโจว
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ฉะโจวเกรงใจ
เป็นเด็กพาร์ไทม์ที่ทำให้ฉะโจวเกรงใจ
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ถามขี้ถาม ถามทีละข้อๆ ไม่เคยถามรวดเดียว
เป็นเด็กพาร์ไทม์ที่ก่อนหน้านี้เป็นกิ๊กของฉะโจว (โดนลดความสัมพันธ์!! T^T)
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่หึงฉะโจว(มาก) >O< ถามว่าแกมีสิทธิ์อะไรห้ะ?
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ตำหนิฉะโจว
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ชอบโมโหใส่ฉะโจว
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ชอบเหวี่ยงและขึ้นเสียงใส่ฉะโจว แต่ฉะโจวเป็นคนที่ใจเย็นมากกกก
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ฉะโจวชอบโทรมาตอนตีสองตีสามแต่ก็ต้องรับ
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ฉะโจวชอบมาปรึกษา (ชอบรบเร้าอยากทำนู้นนี่นั่น ละก็ลำบากตรูตลอดดดดด)
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่แอบบ่นฉะโจวกับเพื่อนๆ
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่มีฉะโจวขี้เหนียว @_@ (ผมอยากอันที่ถูกที่สุดแต่ดีที่สุดนะ <--คิดว่าตรูจะหาได้มั้ยห้ะ? -,,-)
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่(หลายๆครั้ง) ฉะโจวรำคาญม๊ากกกก
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ซึนมาก อยากให้ฉะโจวปลอบแต่กลับบอกไปว่า 'หนูโอเค' (แต่ทำเสียงอ่อยๆซึมๆ) ฉะโจวก็จะปลอบนานขึ้น 55555 มารยาร้อยเล่มเกวียนค่ะ
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ชอบทำให้ฉะโจวผิดหวัง
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่แอบชอบฉะโจวตั้งแต่ครั้งแรกที่คุยกัน
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ฉะโจวชอบทำร้ายจิตใจ (มากๆๆๆๆ)
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่พูดน้อยและน่าเบื่อ โมโหง่ายด้วย
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่จ้าง 100 ทำแค่ 75-100 ไม่เผื่อค่ะไม่เผื่อ 555
เป็นเด็กพาร์ทไทม์คนเดียวของฉะโจว(??)และถูกฉะโจวซุกซ่อนไว้ไม่ให้ใครรู้ (เวลาจะโทรมาสั่งงาน นางจะแอบมาคุยในห้องน้ำ! ><)
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ไม่ค่อยดีนัก แต่รักฉะโจวสุดหัวจายยยย <3แอร๊ยยยยย
สุขสันต์วันเด็ก >O< ก็ไม่ค่อยเกี่ยวอะไรกับเว็นเด็กเลย แต่แค่อยากระบายเรื่องอิบอสบ้าบ๊อง บางครั้งก็น่ารักบางครั้งแบบว่า...ฮึ้ยยยยย!!! แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ทำด้วยกันอีกนานแค่ไหน หรือว่างานของวันนี้อาจเป็นงานสุดท้ายแล้วก็ได้ TT ต่างฝ่ายต่างเอือมกันมั้ง 555555 เฮ้ออ อย่างน้อยก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์หลายๆอย่าง ที่เพื่อนๆวัยเดียวกันยังไม่ได้รับ ได้ทำความคุ้นชินกับกับความกดดัน ความน้อยใจ ความสารพัด ได้ลองทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าทำไม่ได้แต่สุดท้ายก็ทำได้ อยากจะขอบคุณอิฉะโจวจริงๆ แต่บางครั้งถ้าฉะโจวสั่งงานหนูในช่วงใกล้วันนั้นของเดือน ฉะโจวก็มาเร่งหนู หนูก็โมโหไรมั่งงั้นงี้ เล่นเอาฉะโจวเสียใจไปเป็นช่วงเลยอ่าา 555555
ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ความสัมพันธ์เราจะเป็นอย่างไร แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาหนูดีใจมากนะที่ได้เจอฉะโจว ไม่เคยเสียดายเวลาที่ผ่านมาเลย เยิฟๆ xoxo
เป็นเด็กพาร์ไทม์ที่ทำให้ฉะโจวเกรงใจ
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ถามขี้ถาม ถามทีละข้อๆ ไม่เคยถามรวดเดียว
เป็นเด็กพาร์ไทม์ที่ก่อนหน้านี้เป็นกิ๊กของฉะโจว (โดนลดความสัมพันธ์!! T^T)
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่หึงฉะโจว(มาก) >O< ถามว่าแกมีสิทธิ์อะไรห้ะ?
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ตำหนิฉะโจว
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ชอบโมโหใส่ฉะโจว
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ชอบเหวี่ยงและขึ้นเสียงใส่ฉะโจว แต่ฉะโจวเป็นคนที่ใจเย็นมากกกก
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ฉะโจวชอบโทรมาตอนตีสองตีสามแต่ก็ต้องรับ
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ฉะโจวชอบมาปรึกษา (ชอบรบเร้าอยากทำนู้นนี่นั่น ละก็ลำบากตรูตลอดดดดด)
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่แอบบ่นฉะโจวกับเพื่อนๆ
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่มีฉะโจวขี้เหนียว @_@ (ผมอยากอันที่ถูกที่สุดแต่ดีที่สุดนะ <--คิดว่าตรูจะหาได้มั้ยห้ะ? -,,-)
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่(หลายๆครั้ง) ฉะโจวรำคาญม๊ากกกก
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ซึนมาก อยากให้ฉะโจวปลอบแต่กลับบอกไปว่า 'หนูโอเค' (แต่ทำเสียงอ่อยๆซึมๆ) ฉะโจวก็จะปลอบนานขึ้น 55555 มารยาร้อยเล่มเกวียนค่ะ
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ชอบทำให้ฉะโจวผิดหวัง
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่แอบชอบฉะโจวตั้งแต่ครั้งแรกที่คุยกัน
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ฉะโจวชอบทำร้ายจิตใจ (มากๆๆๆๆ)
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่พูดน้อยและน่าเบื่อ โมโหง่ายด้วย
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่จ้าง 100 ทำแค่ 75-100 ไม่เผื่อค่ะไม่เผื่อ 555
เป็นเด็กพาร์ทไทม์คนเดียวของฉะโจว(??)และถูกฉะโจวซุกซ่อนไว้ไม่ให้ใครรู้ (เวลาจะโทรมาสั่งงาน นางจะแอบมาคุยในห้องน้ำ! ><)
เป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่ไม่ค่อยดีนัก แต่รักฉะโจวสุดหัวจายยยย <3แอร๊ยยยยย
สุขสันต์วันเด็ก >O< ก็ไม่ค่อยเกี่ยวอะไรกับเว็นเด็กเลย แต่แค่อยากระบายเรื่องอิบอสบ้าบ๊อง บางครั้งก็น่ารักบางครั้งแบบว่า...ฮึ้ยยยยย!!! แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ทำด้วยกันอีกนานแค่ไหน หรือว่างานของวันนี้อาจเป็นงานสุดท้ายแล้วก็ได้ TT ต่างฝ่ายต่างเอือมกันมั้ง 555555 เฮ้ออ อย่างน้อยก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์หลายๆอย่าง ที่เพื่อนๆวัยเดียวกันยังไม่ได้รับ ได้ทำความคุ้นชินกับกับความกดดัน ความน้อยใจ ความสารพัด ได้ลองทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าทำไม่ได้แต่สุดท้ายก็ทำได้ อยากจะขอบคุณอิฉะโจวจริงๆ แต่บางครั้งถ้าฉะโจวสั่งงานหนูในช่วงใกล้วันนั้นของเดือน ฉะโจวก็มาเร่งหนู หนูก็โมโหไรมั่งงั้นงี้ เล่นเอาฉะโจวเสียใจไปเป็นช่วงเลยอ่าา 555555
ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ความสัมพันธ์เราจะเป็นอย่างไร แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาหนูดีใจมากนะที่ได้เจอฉะโจว ไม่เคยเสียดายเวลาที่ผ่านมาเลย เยิฟๆ xoxo
ควรจะพอหรือยังนะ
หลายๆครั้งรู้สึกว่าตัวเองถูกย่ำยี หลายๆครั้งรู้สึกว่าตัวเองเป็นของตาย หลายๆครั้งรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ศาลาพักใจ
แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน เป็นฝ่ายที่ไม่ยอมหยุดในขณะที่อีกฝ่ายหยุดตั้งนานแล้ว เป็นฝ่ายที่ก่อเรื่องขึ้นเองทั้งหมด หลอกตัวเองไปวัน พร้อมกับความเพ้อฝันที่เป็นจริงได้ยาก
ไม่ได้อยากจะโทษแต่เขาฝ่ายเดียว อยากโทษตัวเองมากกว่า เป็นคนเสนอตัวเองว่าจะนู้นนี่นั่น แล้วพอเค้าจะให้ทำก็จะปฏิเสธ ทำไมเราถึงเป็นคนกลับกลอก ไม่รักษาคำพูด?
เอาจริงๆก็รู้สึกผิดอยู่ไม่ใช่น้อย คิดว่าไม่น่าปล่อยให้มันถลำลึกมาจนถึงขั้นนี้
ณ ตอนนี้ถ้าเลือกได้ อยากให้เค้าถอยออกไปอีกครั้ง และก็อยากให้ตัวเราเองไม่พยายามไปดึงเค้ากลับมา
แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน เป็นฝ่ายที่ไม่ยอมหยุดในขณะที่อีกฝ่ายหยุดตั้งนานแล้ว เป็นฝ่ายที่ก่อเรื่องขึ้นเองทั้งหมด หลอกตัวเองไปวัน พร้อมกับความเพ้อฝันที่เป็นจริงได้ยาก
ไม่ได้อยากจะโทษแต่เขาฝ่ายเดียว อยากโทษตัวเองมากกว่า เป็นคนเสนอตัวเองว่าจะนู้นนี่นั่น แล้วพอเค้าจะให้ทำก็จะปฏิเสธ ทำไมเราถึงเป็นคนกลับกลอก ไม่รักษาคำพูด?
เอาจริงๆก็รู้สึกผิดอยู่ไม่ใช่น้อย คิดว่าไม่น่าปล่อยให้มันถลำลึกมาจนถึงขั้นนี้
ณ ตอนนี้ถ้าเลือกได้ อยากให้เค้าถอยออกไปอีกครั้ง และก็อยากให้ตัวเราเองไม่พยายามไปดึงเค้ากลับมา
วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ช่วงนี้เป็นช่วงขาลงของชีวิต เจอปัญหามากมายกับผู้คนรอบตัว ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ และคนเหล่านั้นย่อมเป็นคนที่สำคัญมากๆกับชีวิต แต่พระเจ้าก็ได้สำรองคนรอบข้างอีกกลุ่มเก็บไว้ให้เรา เพื่อการปลอบโยน เพื่อความอุ่นใจ เพื่อความคิดใหม่ เพื่อที่จะได้สั่งสอน เพื่อที่จะทำให้เรากลับไปเข้าใจคนที่กลุ่มหนึ่งที่เรามีปัญหาด้วยอีกครั้ง
ขณะนี้ความขัดแย้งเริ่มน้อยลง ความรู้สึกอยากขอบคุณได้เพิ่มพูน ถึงแม้จะได้เอ่ยกล่าวคำนี้ไปแล้วกับทั้งสองฝ่าย แต่ก็ยังรู้สึกไม่เพียงพอ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี
ถึงแม้ว่าถ้าวันพรุ่งนี้ ฉันอาจจะทะเลาะกับคนใดคนหนึ่ง หรือเกลียดใครคนใดคนหนึงขึ้นมา ฉันก็จะสามารถมั่นใจขึ้นได้อีกนิดว่า เราจะถูกเชื่อมโยงกันอีกครั้งโดยใครอีกซักคน
ชีวิตเรามักถูกโยงใยพันกันไปทั่ว บ้างก็คอยปลุกปั่นให้แตกแยก บ้างก็คอยปลุกเร้าให้รักกัน
แต่นี่แหละคือโลก เรื่องเส้นสายใยที่มนุษย์ต่างมีให้กัน
อยากจะขอบคุณ
และเรียนรู้ที่จะใส่ใจกับคนรอบข้างให้มากยิ่งขึ้น
วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557
บางครั้ง(หรือหลายๆครั้ง) ก็รู้สึกเสียใจไม่น้อยกับนิสัย"ปากไว" ของตัวเอง คำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากโดยไม่ผ่านกระบวนการกลั่นกรอง จะไม่เสียใจสักนิดถ้ามันเป็นคำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี แต่มันกลับกลายเป็นการตำหนิ ติเตียน พูดในด้านลบ ทำให้เป็นการทำร้ายความรู้สึกของเขา
ล่าสุดที่ทำให้รู้สึกแย่คือ เมื่อวันก่อน ยายทำกับข้าวให้กิน(ปกติก็ทำให้กินทุกมื้อ) แต่มื้อนี้มันเหมือนเป็นเมนูที่เราไม่ค่อยพิศวาสเท่าไหร่ ยิ่งครั้งนี้ยายบอกว่าเครื่องปรุงมีไม่ครบรสชาติอาจเพี้ยนไป เราก็เลยลองชิมดู ปรากฏว่ามันเพี้ยนจริงๆ แล้วมันก็อร่อยน้อยกว่าทุกครั้ง บวกกับความที่ไม่ใช่อาหารจานโปรด คำพูดก็พุ่งออกมาจู่โจมคนทำเลยทันที คือถ้าพูดนิดๆหน่อยๆก็ยังโอเค แต่เราย้ำคิดย้ำพูดอยู่นั่นแหละ จนอีกฝ่ายเงียบไปเลย
ตอนพูดเสร็จก็ไม่ได้มาฉุกคิดอะไรหรอก แต่พอเวลาผ่านไปสักแปป ความทรงจำตอน ม.ต้น ก็ลอยขึ้นมา ตอนนั้นน่าจะอยู่ ม.3 ได้รู้จักกับพี่คนหนึ่ง พี่เขามาสอนศาสนา เราจะเจอกันทุกวันพฤหัสของอาทิตย์ แบ้วมีอยู่อาทิตย์หนึ่ง พี่เขาก็ได้หยิบยกหัวข้อการเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ไม่ดีของตัวเองขึ้นมาพูด แล้วถามเราว่า "ตั้งแต่นี้ต่อไป คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ไม่ดีอะไรของตัวเองบ้าง?" เราจำคำตอบของตัวเองไม่ได้หรอก แต่ที่แน่ๆเราจำคำตอบของพี่เขาได้ดี "สำหรับพี่นะ ตอนนี้อยากจะเปลี่ยนแปลงนิสัยไม่ดีของตัวเองอยู่อย่างหนึ่งคือ พี่เป็นคนที่ชอบบ่นแม่ว่าทำอาหารไม่อร่อย เดี๋ยวก็หวานบ้าง เค็มบ้าง ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าแม่จะรู้สึกยังไง ต่อไปนี้พี่อยากชมแม่บ้าง" คำพูดในตอนนั้นมันลอยขึ้นมาในหัว ทำให้รู้สึกผิดมากๆที่พูดกับยายแบบนั้น แต่ก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้สำหรับกับข้าวมื้อนั้น
ครั้งนี้มันเป็นบทเรียนทำให้เราหันมาใส่ใจที่จะกลั่นกรองคำพูดก่อนที่จะพูดออกมาให้มากขึ้น เราอยากที่จะพูดออกมาแล้วทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกดีมากกว่าที่จะรู้สึกเสียใจ ถึงแม้ครั้งนั้นเราจะไม่พึงพอใจในรสชาติอาหาร แต่เราก็ควรสำนึกในสิ่งที่คนทำตั้งใจทำให้เรากิน ถึงรสชาติไม่อร่อยแต่ก็ได้อิ่มท้อง เราคาดหวังมากๆว่าเราจะสามารถแก้ไขส่วนนี้ของเราให้ดีขึ้น เราหวังว่าเราจะทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูดน้อยลงเรื่อยๆ
ล่าสุดที่ทำให้รู้สึกแย่คือ เมื่อวันก่อน ยายทำกับข้าวให้กิน(ปกติก็ทำให้กินทุกมื้อ) แต่มื้อนี้มันเหมือนเป็นเมนูที่เราไม่ค่อยพิศวาสเท่าไหร่ ยิ่งครั้งนี้ยายบอกว่าเครื่องปรุงมีไม่ครบรสชาติอาจเพี้ยนไป เราก็เลยลองชิมดู ปรากฏว่ามันเพี้ยนจริงๆ แล้วมันก็อร่อยน้อยกว่าทุกครั้ง บวกกับความที่ไม่ใช่อาหารจานโปรด คำพูดก็พุ่งออกมาจู่โจมคนทำเลยทันที คือถ้าพูดนิดๆหน่อยๆก็ยังโอเค แต่เราย้ำคิดย้ำพูดอยู่นั่นแหละ จนอีกฝ่ายเงียบไปเลย
ตอนพูดเสร็จก็ไม่ได้มาฉุกคิดอะไรหรอก แต่พอเวลาผ่านไปสักแปป ความทรงจำตอน ม.ต้น ก็ลอยขึ้นมา ตอนนั้นน่าจะอยู่ ม.3 ได้รู้จักกับพี่คนหนึ่ง พี่เขามาสอนศาสนา เราจะเจอกันทุกวันพฤหัสของอาทิตย์ แบ้วมีอยู่อาทิตย์หนึ่ง พี่เขาก็ได้หยิบยกหัวข้อการเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ไม่ดีของตัวเองขึ้นมาพูด แล้วถามเราว่า "ตั้งแต่นี้ต่อไป คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ไม่ดีอะไรของตัวเองบ้าง?" เราจำคำตอบของตัวเองไม่ได้หรอก แต่ที่แน่ๆเราจำคำตอบของพี่เขาได้ดี "สำหรับพี่นะ ตอนนี้อยากจะเปลี่ยนแปลงนิสัยไม่ดีของตัวเองอยู่อย่างหนึ่งคือ พี่เป็นคนที่ชอบบ่นแม่ว่าทำอาหารไม่อร่อย เดี๋ยวก็หวานบ้าง เค็มบ้าง ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าแม่จะรู้สึกยังไง ต่อไปนี้พี่อยากชมแม่บ้าง" คำพูดในตอนนั้นมันลอยขึ้นมาในหัว ทำให้รู้สึกผิดมากๆที่พูดกับยายแบบนั้น แต่ก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้สำหรับกับข้าวมื้อนั้น
ครั้งนี้มันเป็นบทเรียนทำให้เราหันมาใส่ใจที่จะกลั่นกรองคำพูดก่อนที่จะพูดออกมาให้มากขึ้น เราอยากที่จะพูดออกมาแล้วทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกดีมากกว่าที่จะรู้สึกเสียใจ ถึงแม้ครั้งนั้นเราจะไม่พึงพอใจในรสชาติอาหาร แต่เราก็ควรสำนึกในสิ่งที่คนทำตั้งใจทำให้เรากิน ถึงรสชาติไม่อร่อยแต่ก็ได้อิ่มท้อง เราคาดหวังมากๆว่าเราจะสามารถแก้ไขส่วนนี้ของเราให้ดีขึ้น เราหวังว่าเราจะทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูดน้อยลงเรื่อยๆ
วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557
บ่น 004
การที่เราถูกผู้คนตำหนิกับการที่เราถูกชมเชย ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้แรงผลักดันแก่เราทั้งคู่ แต่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันลิบลับ...
ยังไงก็ตามแต่ ไม่ว่าคำดูถูก คำติฉินนินทา คำชื่นชมหรือการยกย่อง ล้วนเแต่เป็น "เชื้อเพลิง" ที่ถูกราดลงไปในกองไฟที่อยู่ในตัวเรา ทำให้มีแรงฮึ้ดขึ้นมา
ยิ่งดูถูกยิ่งอยากทำให้ดีขึ้น
ยิ่งชมเชยก็ยิ่งอยากทำให้ดีขึ้น
คำพูดใครบางคนอาจทำให้ทำถึงกับเป๋หรือหยุดชะงัก คำพูดของใครอีกคนอาจทำตัวเราลอยขึ้นสูงลิ่ว
แต่คำพูดของคนอื่น ก็ย่อมเป็นคำพูดของคนอื่นอยู่วันยังค่ำ จะสู้พลังแห่งความเชื่อมั่นในตัวเองของเราได้อย่างไรกัน? ท้ายที่สุดเราก็ต้องมีจิตใจที่หนักแน่น มองข้ามบางอย่าง(อย่างมีเหตุผล)ที่คนรอบข้างพูด และเชื่อมั่นในตนเองให้มากขึ้น
ยังไงก็ตามแต่ ไม่ว่าคำดูถูก คำติฉินนินทา คำชื่นชมหรือการยกย่อง ล้วนเแต่เป็น "เชื้อเพลิง" ที่ถูกราดลงไปในกองไฟที่อยู่ในตัวเรา ทำให้มีแรงฮึ้ดขึ้นมา
ยิ่งดูถูกยิ่งอยากทำให้ดีขึ้น
ยิ่งชมเชยก็ยิ่งอยากทำให้ดีขึ้น
คำพูดใครบางคนอาจทำให้ทำถึงกับเป๋หรือหยุดชะงัก คำพูดของใครอีกคนอาจทำตัวเราลอยขึ้นสูงลิ่ว
แต่คำพูดของคนอื่น ก็ย่อมเป็นคำพูดของคนอื่นอยู่วันยังค่ำ จะสู้พลังแห่งความเชื่อมั่นในตัวเองของเราได้อย่างไรกัน? ท้ายที่สุดเราก็ต้องมีจิตใจที่หนักแน่น มองข้ามบางอย่าง(อย่างมีเหตุผล)ที่คนรอบข้างพูด และเชื่อมั่นในตนเองให้มากขึ้น
วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557
บ่น003
ช่วงนี้ฉันจะพยายามระงับอาการแอบกรี๊ด+แอบจ้อง+แอบมอง "หนุ่มน่ารัก" อยู่ คือบางครั้งฉันแสดงอาการออกอย่างเกินหน้าเกินตามากๆ 555 แต่ถ้าเดินคนเดียวจะแอบอมยิ้มนิดๆ พยายามไม่มองหน้า
แต่วันนี้ฉันเดินกับเพื่อนๆอีก 3 คน แล้วก็บังเอิญไปเห็นหนุ่มนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงแบบย้วยๆ จะพายกระเป๋าเบ้ ผมดำผิวแทนนิดๆ ฉันฉันดูออกทันทีว่าเป็น "นิปปอนกาย" >O< ยิ่งเดินมาใกล้ๆแล้วน่ารักมากกกกก เราก็ชี้ให้เพื่อนๆดู ก็วี้ดว้ายกันใหญ่ จนเราเดินสวนกันหันหลังให้กันแล้ว เราก็แอบพูดเบาๆว่า "かっこいい!" ตอนเราพูด เพื่อนก็หันไปดูฮีแกพอดี เพื่อนเลยหันกลับมาบอกว่า "เขาหันมาอ่ะ!" ฉันก็เฮ้ยจริงหรอ???? คือแบบเฟลเลย 55555 แต่เพื่ออีกคนก็ก็บอกว่าไหนๆเขาก็หันมาแล้ว พูดพร้อมกันเลยป่ะ? จากนั้นพวกเราก็..."คัคโคอี้! คาวาอี้!!!!" พร้อมกัน แล้วรีบวิ่งหลบกันใหญ่เลย
พี่ยุ่นได้แต่มองด้วยสายตางงๆปนกลัวๆ เพราะนางเดินคนเดียว
>< ถ้าเป็นฝรั่งมันคง "Thank you" กลับละ แต่พี่ยุ่นแกนิ่งๆ >O< พวกเราก็สนุกกันใหญ่เชียว (ก็มากันเป็นพวกนี่ ถ้าลองดูคนเดียวฉันก็คงก้มหน้าก้มตาอมยิ้ม เดินดุ่มๆไปละ 5555)
มาคิดไปคิดมาว่า พวกเราเป็นผู้หญิง แล้วไปแซวคนต่างชาติอย่างงั้น ภาพพจน์คงติดลบไปอีก เฮืออออก O_O หนูขอโทษข่าาา T^T วันหลังจะพยายามเก็บให้มิดเลย จะไม่แซวอีกละ เง้อออออ :D
แต่วันนี้ฉันเดินกับเพื่อนๆอีก 3 คน แล้วก็บังเอิญไปเห็นหนุ่มนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงแบบย้วยๆ จะพายกระเป๋าเบ้ ผมดำผิวแทนนิดๆ ฉันฉันดูออกทันทีว่าเป็น "นิปปอนกาย" >O< ยิ่งเดินมาใกล้ๆแล้วน่ารักมากกกกก เราก็ชี้ให้เพื่อนๆดู ก็วี้ดว้ายกันใหญ่ จนเราเดินสวนกันหันหลังให้กันแล้ว เราก็แอบพูดเบาๆว่า "かっこいい!" ตอนเราพูด เพื่อนก็หันไปดูฮีแกพอดี เพื่อนเลยหันกลับมาบอกว่า "เขาหันมาอ่ะ!" ฉันก็เฮ้ยจริงหรอ???? คือแบบเฟลเลย 55555 แต่เพื่ออีกคนก็ก็บอกว่าไหนๆเขาก็หันมาแล้ว พูดพร้อมกันเลยป่ะ? จากนั้นพวกเราก็..."คัคโคอี้! คาวาอี้!!!!" พร้อมกัน แล้วรีบวิ่งหลบกันใหญ่เลย
พี่ยุ่นได้แต่มองด้วยสายตางงๆปนกลัวๆ เพราะนางเดินคนเดียว
>< ถ้าเป็นฝรั่งมันคง "Thank you" กลับละ แต่พี่ยุ่นแกนิ่งๆ >O< พวกเราก็สนุกกันใหญ่เชียว (ก็มากันเป็นพวกนี่ ถ้าลองดูคนเดียวฉันก็คงก้มหน้าก้มตาอมยิ้ม เดินดุ่มๆไปละ 5555)
มาคิดไปคิดมาว่า พวกเราเป็นผู้หญิง แล้วไปแซวคนต่างชาติอย่างงั้น ภาพพจน์คงติดลบไปอีก เฮืออออก O_O หนูขอโทษข่าาา T^T วันหลังจะพยายามเก็บให้มิดเลย จะไม่แซวอีกละ เง้อออออ :D
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)