วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

           ช่วงนี้เป็นช่วงขาลงของชีวิต เจอปัญหามากมายกับผู้คนรอบตัว ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ และคนเหล่านั้นย่อมเป็นคนที่สำคัญมากๆกับชีวิต แต่พระเจ้าก็ได้สำรองคนรอบข้างอีกกลุ่มเก็บไว้ให้เรา เพื่อการปลอบโยน เพื่อความอุ่นใจ เพื่อความคิดใหม่ เพื่อที่จะได้สั่งสอน เพื่อที่จะทำให้เรากลับไปเข้าใจคนที่กลุ่มหนึ่งที่เรามีปัญหาด้วยอีกครั้ง 

              ขณะนี้ความขัดแย้งเริ่มน้อยลง ความรู้สึกอยากขอบคุณได้เพิ่มพูน ถึงแม้จะได้เอ่ยกล่าวคำนี้ไปแล้วกับทั้งสองฝ่าย แต่ก็ยังรู้สึกไม่เพียงพอ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี

               ถึงแม้ว่าถ้าวันพรุ่งนี้ ฉันอาจจะทะเลาะกับคนใดคนหนึ่ง หรือเกลียดใครคนใดคนหนึงขึ้นมา ฉันก็จะสามารถมั่นใจขึ้นได้อีกนิดว่า เราจะถูกเชื่อมโยงกันอีกครั้งโดยใครอีกซักคน
ชีวิตเรามักถูกโยงใยพันกันไปทั่ว บ้างก็คอยปลุกปั่นให้แตกแยก บ้างก็คอยปลุกเร้าให้รักกัน
แต่นี่แหละคือโลก เรื่องเส้นสายใยที่มนุษย์ต่างมีให้กัน
อยากจะขอบคุณ
และเรียนรู้ที่จะใส่ใจกับคนรอบข้างให้มากยิ่งขึ้น

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

         บางครั้ง(หรือหลายๆครั้ง) ก็รู้สึกเสียใจไม่น้อยกับนิสัย"ปากไว" ของตัวเอง คำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากโดยไม่ผ่านกระบวนการกลั่นกรอง จะไม่เสียใจสักนิดถ้ามันเป็นคำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี แต่มันกลับกลายเป็นการตำหนิ ติเตียน พูดในด้านลบ ทำให้เป็นการทำร้ายความรู้สึกของเขา
         ล่าสุดที่ทำให้รู้สึกแย่คือ เมื่อวันก่อน ยายทำกับข้าวให้กิน(ปกติก็ทำให้กินทุกมื้อ) แต่มื้อนี้มันเหมือนเป็นเมนูที่เราไม่ค่อยพิศวาสเท่าไหร่  ยิ่งครั้งนี้ยายบอกว่าเครื่องปรุงมีไม่ครบรสชาติอาจเพี้ยนไป เราก็เลยลองชิมดู ปรากฏว่ามันเพี้ยนจริงๆ แล้วมันก็อร่อยน้อยกว่าทุกครั้ง บวกกับความที่ไม่ใช่อาหารจานโปรด คำพูดก็พุ่งออกมาจู่โจมคนทำเลยทันที คือถ้าพูดนิดๆหน่อยๆก็ยังโอเค แต่เราย้ำคิดย้ำพูดอยู่นั่นแหละ จนอีกฝ่ายเงียบไปเลย
         ตอนพูดเสร็จก็ไม่ได้มาฉุกคิดอะไรหรอก แต่พอเวลาผ่านไปสักแปป ความทรงจำตอน ม.ต้น ก็ลอยขึ้นมา ตอนนั้นน่าจะอยู่ ม.3 ได้รู้จักกับพี่คนหนึ่ง พี่เขามาสอนศาสนา เราจะเจอกันทุกวันพฤหัสของอาทิตย์ แบ้วมีอยู่อาทิตย์หนึ่ง พี่เขาก็ได้หยิบยกหัวข้อการเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ไม่ดีของตัวเองขึ้นมาพูด แล้วถามเราว่า "ตั้งแต่นี้ต่อไป คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ไม่ดีอะไรของตัวเองบ้าง?" เราจำคำตอบของตัวเองไม่ได้หรอก แต่ที่แน่ๆเราจำคำตอบของพี่เขาได้ดี "สำหรับพี่นะ ตอนนี้อยากจะเปลี่ยนแปลงนิสัยไม่ดีของตัวเองอยู่อย่างหนึ่งคือ พี่เป็นคนที่ชอบบ่นแม่ว่าทำอาหารไม่อร่อย เดี๋ยวก็หวานบ้าง เค็มบ้าง ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าแม่จะรู้สึกยังไง ต่อไปนี้พี่อยากชมแม่บ้าง" คำพูดในตอนนั้นมันลอยขึ้นมาในหัว ทำให้รู้สึกผิดมากๆที่พูดกับยายแบบนั้น แต่ก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้สำหรับกับข้าวมื้อนั้น
         ครั้งนี้มันเป็นบทเรียนทำให้เราหันมาใส่ใจที่จะกลั่นกรองคำพูดก่อนที่จะพูดออกมาให้มากขึ้น เราอยากที่จะพูดออกมาแล้วทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกดีมากกว่าที่จะรู้สึกเสียใจ ถึงแม้ครั้งนั้นเราจะไม่พึงพอใจในรสชาติอาหาร แต่เราก็ควรสำนึกในสิ่งที่คนทำตั้งใจทำให้เรากิน ถึงรสชาติไม่อร่อยแต่ก็ได้อิ่มท้อง เราคาดหวังมากๆว่าเราจะสามารถแก้ไขส่วนนี้ของเราให้ดีขึ้น เราหวังว่าเราจะทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูดน้อยลงเรื่อยๆ

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บ่น 004

         การที่เราถูกผู้คนตำหนิกับการที่เราถูกชมเชย ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้แรงผลักดันแก่เราทั้งคู่ แต่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันลิบลับ...
          ยังไงก็ตามแต่ ไม่ว่าคำดูถูก คำติฉินนินทา คำชื่นชมหรือการยกย่อง ล้วนเแต่เป็น "เชื้อเพลิง" ที่ถูกราดลงไปในกองไฟที่อยู่ในตัวเรา ทำให้มีแรงฮึ้ดขึ้นมา
ยิ่งดูถูกยิ่งอยากทำให้ดีขึ้น
ยิ่งชมเชยก็ยิ่งอยากทำให้ดีขึ้น

        คำพูดใครบางคนอาจทำให้ทำถึงกับเป๋หรือหยุดชะงัก คำพูดของใครอีกคนอาจทำตัวเราลอยขึ้นสูงลิ่ว
แต่คำพูดของคนอื่น ก็ย่อมเป็นคำพูดของคนอื่นอยู่วันยังค่ำ จะสู้พลังแห่งความเชื่อมั่นในตัวเองของเราได้อย่างไรกัน? ท้ายที่สุดเราก็ต้องมีจิตใจที่หนักแน่น มองข้ามบางอย่าง(อย่างมีเหตุผล)ที่คนรอบข้างพูด และเชื่อมั่นในตนเองให้มากขึ้น

วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557

บ่น003

       ช่วงนี้ฉันจะพยายามระงับอาการแอบกรี๊ด+แอบจ้อง+แอบมอง "หนุ่มน่ารัก" อยู่ คือบางครั้งฉันแสดงอาการออกอย่างเกินหน้าเกินตามากๆ 555 แต่ถ้าเดินคนเดียวจะแอบอมยิ้มนิดๆ พยายามไม่มองหน้า
       แต่วันนี้ฉันเดินกับเพื่อนๆอีก 3 คน แล้วก็บังเอิญไปเห็นหนุ่มนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงแบบย้วยๆ จะพายกระเป๋าเบ้ ผมดำผิวแทนนิดๆ ฉันฉันดูออกทันทีว่าเป็น "นิปปอนกาย" >O< ยิ่งเดินมาใกล้ๆแล้วน่ารักมากกกกก เราก็ชี้ให้เพื่อนๆดู ก็วี้ดว้ายกันใหญ่ จนเราเดินสวนกันหันหลังให้กันแล้ว เราก็แอบพูดเบาๆว่า "かっこいい!" ตอนเราพูด เพื่อนก็หันไปดูฮีแกพอดี เพื่อนเลยหันกลับมาบอกว่า "เขาหันมาอ่ะ!" ฉันก็เฮ้ยจริงหรอ???? คือแบบเฟลเลย 55555 แต่เพื่ออีกคนก็ก็บอกว่าไหนๆเขาก็หันมาแล้ว พูดพร้อมกันเลยป่ะ? จากนั้นพวกเราก็..."คัคโคอี้! คาวาอี้!!!!" พร้อมกัน แล้วรีบวิ่งหลบกันใหญ่เลย
      พี่ยุ่นได้แต่มองด้วยสายตางงๆปนกลัวๆ เพราะนางเดินคนเดียว 
>< ถ้าเป็นฝรั่งมันคง "Thank you" กลับละ แต่พี่ยุ่นแกนิ่งๆ >O< พวกเราก็สนุกกันใหญ่เชียว (ก็มากันเป็นพวกนี่ ถ้าลองดูคนเดียวฉันก็คงก้มหน้าก้มตาอมยิ้ม เดินดุ่มๆไปละ 5555) 
       มาคิดไปคิดมาว่า พวกเราเป็นผู้หญิง แล้วไปแซวคนต่างชาติอย่างงั้น ภาพพจน์คงติดลบไปอีก เฮืออออก O_O หนูขอโทษข่าาา T^T วันหลังจะพยายามเก็บให้มิดเลย จะไม่แซวอีกละ เง้อออออ :D

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

บ่น 002

วันนี้ไปสะดุดรูปหนึ่งในเพจ Sakura drama มา ซึ่งรูปนี้ก็คือ
จากเรื่อง My boss my hero (ไม่เคยดูนาาา)
ซึ่งประโยคที่คุณป้าคนนี่พูดมันช่างโดนใจมากมาย "ชีวิตวัยรุ่นคือการถูกทำให้อาย เพราะด้อยประสบการณ์ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้...ถึงจะต้องอายก็ไม่เป็นไร เพราะนี่คือชีวิตวันรุ่น!"
คือมันก็จริงแบบที่ป้าแกพูดแหละ ช่วงเวลาของการเป็นวัยรุ่นนี่สำหรับเรานะ เราคิดว่ามันค่อนข้างหนักหนาพอสมควร มันไม่ใช่แค่การที่ถูกผู้ใหญ่ต่อว่าว่าด้อยประสบการณ์อย่างเดียว มันมีหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่ชีวิตวัยรุ่นต้องพบเจอ คือมันเป็นช่วงเวลาที่อยู่ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ความคิด อารมณ์ และความรู้สึกค่อนข้างแปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้
          ปัญหาของวัยรุ่นเริ่มจากตัวเองก่อนเลยอันดับแรก เพราะอย่างที่ว่า นี่คือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงและแปรปรวน เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ คือบางครั้งก็ไม่สามารถเข้าใจตัวเองได้ว่าต้องการอะไรกันแน่ บางครั้งก็ตัวเองว่า ตัวฉันคือใคร? การใช้ชีวิตทุกๆวันนี้เพื่อนอะไร? เพื่อนใคร? อนาคตในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร? ไหนจะเรื่องการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อค้นหาตนเองให้เจอก่อนที่วัยผู้ใหญ่จะมาถึง ซึ้งบางครั้งก็มีความคิดว่าอนาคตในวันข้างหน้าจนถึงวันตาย ถูกกำหนดโดยช่วงเวลาแห่งความเป็นวัยรุ่นนี่แหละ ถ้ายังค้นหาตัวเองไม่เจอ ยังไม่สามารถแจกแจงตัวเองในวันนี้ได้ เราก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
        นอกจากปัญหาทางด้านตัวตนแล้ว สิ่งหนึ่งที่วัยรุ่นหวั่นไหวมากที่สุดคือเรื่อง "สิ่งแวดล้อมรอบตัว" ในที่นี้หมายถึงครอบครัว เพื่อน ความรักและโรงเรียน อันนี้ถือว่าหนักอึ้งอยู่พอควร เพราะสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรามักจะมีอิธิพลต่อความคิดและการใช้ชีวิตของเราเสมอ ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หากมีอะไรมาทิ่มหรือกระทบความรู้สึกนิดเดียว ก็เป็นอันว่าเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ คือเหมือนกับว่าวัยรุ่นเป็นห้วงหนึ่งของชีวิตที่ต้องการคนที่อยู่ข้างๆ คนที่จะสนับสนุนความคิดเรา และคนที่จะคอยปลอบโยนเราในเวลาที่ยากลำบาก คนรอบข้างทุกคนล้วนมีผลต่อความคิดของเราเสมอ บางคนก็ต้องจำใจเรียนใจสิ่งที่ไม่ชอบ แต่เป็นสิ่งที่ทางบ้านต้องการให้เรียน ต้องเดินทางไปตามจุดหมายที่พ่อแม่กำหนดไว้ให้อย่างเคร่งครัด แต่บางคนก็เรียนไปอย่างไร้จุดหมาย ขาดการกระตุ้น การแรงบันดาลใจ บางคนต้องทนรับฟังคำต่อว่าในการทำในสิ่งที่ตนรัก ถูกดูถูกต่างๆนานา บางคนค่อนข้างจะให้เพื่อนหรือความรักเข้ามาครอบงำตัวเองมากเกินไป จะสุขหรือทุกข์ก็ขึ้นอยู่กับคนเหล่านี้ ยิ่งโตยิ่งรับรู้ว่าโลกมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เราคิดเมื่อตอนเป็นเด็ก ผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ก็ไม่ได้เป็นคนในอุดมคติที่เราอยากจะเจอไปซะทั้งหมด ต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับการพบเจอคนเหล่านั้น คนที่คิดเหมือนกัน คนที่พูดถูกคอกันลดน้อยลง ไม่มีอีกแล้วคำพูดเมื่อการเด็กที่จะพูดว่า "เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะนะ" แล้วเดินจูงมือกันไปเล่นอย่างสนุกสนาน ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป
        ถึงแม้ช่วงเวลาของการเป็นวัยรุ่นจะดูลำบาก แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นช่วงเวลาที่สนุกสุดเหวี่ยง! อยากรู้อยากลองไปซะทุกอย่าง แต่เราก็คิดว่ามันคงเป็นช่วงเวลาเดียวที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ไร้ความรับผิดชอบใดๆต่อใครคนอื่น เพียงแต่ต้องดูแลตัวเองให้ดีก็พอ มันสนุกจริงๆนะ บางครั้งการที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆที่ละเรื่องๆ มันก็ทำให้การเป็นความสนุกได้ เดี๋ยวยิ้มร่า หัวเราะเสียงดังก้อง แจ่อีกครึ่งวันต้องมานั่งหน้าบูด ร้องไห้ฟูมฟาย ขี้มูกโป่ง 5555 มันเป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเพื่อนนานกว่าช่วงเวลาไหนๆ เป็นช่วงเวลาที่จะแอบรักใครได้ง่ายๆ และความรักต่อเพศตรงข้ามก็มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาของความเป็นวัยรุ่นเสมอ <3
         ตอนนี้ฉันก็ยังกำลังต่อสู้กับช่วงเวลานี้อยู่ สามวันหัวเราะ อีกสองวันร้องไห้ มันวนเวียนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ และยังจินตยาการถึงวันที่สิ่งเหล่านี้จะหยุดเกิดขึ้นไม่ออก ยังอยากจะซึมซับสิ่งต่างๆจากช่วงเวลาของความเป็นวัยรุ่นไว้ให้มากที่สุด และแน่นอนว่าจะต้องปูแนวทางที่ดีให้ตัวเองในวันข้างหน้าที่จะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่อีกด้วย
"ชีวิตวัยรุ่นคือการถูกทำให้อาย เพราะด้อยประสบการณ์ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้...ถึงจะต้องอายก็ไม่เป็นไร เพราะนี่คือชีวิตวันรุ่น!"

วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557

A place i love

  ตั้งแต่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังอยู่ในปีสุดท้ายของม.ปลาย  ก็เริ่มผันตัวมาขลุกอยู่ในห้องสมุดอย่างจริงจัง (มาจับกลุ่มเม้าท์กับเพื่อน >< ไม่ค่อยได้อ่านเท่าไหรหรอกหนังสือน่ะ 555)
    ถ้ามีคนมาถามว่าชอบที่ไหนที่สุดในโรงเรียน คำตอบคงพุ่งออกมาจากปากเลยในทันทีว่า "ห้องสมุด"
ที่นี่มันเก็บอะไรหลายๆอย่างไว้เลยนะ หนังสือบางเล่มยังบันทึกชื่อผู้ยืมไปอ่านเมื่อปีพศ. 2525 ก่อนที่เราจะเกิดหลายปีมากกก หนังสือหลายเล่มกระดาษกลายเป็นสีน้ำตาลไปแล้ว...
       จำได้เลยว่าติดห้องสมุดมาตั้งแต่ม.1 ละ เข้าทุกวัน ไปยืมแฮร์รี่ พอตเตอร์อ่านจบครบ 7 เล่มเลยย แต่พอขึ้นม.2 มา ก็ค่อนข้างขาดการติดต่อกับห้องสมุดนานพอสมควร(เริ่มติดเพื่อน)
       จนขึ้น ม.5 ก็กลับมาห้องสมุดอีกครั้ง ทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่หนังสือใหม่ๆก็มีเยอะขึ้น แต่เชื่อมั้ยว่า ยืมเล่มไหนไปแล้วแทบจะอ่านไม่จบทุกเรื่อง 555555 เรื่องโดนปรับที่ธรรมดามาก(วันละ 1 บาท) เคยปรับเยอะ 40 กว่าบาทเลยมั้ง คือชอบเอาไปดองไว้ที่บ้าน ไม่อ่าน แล้วไม่เอาไปคืน -,,- ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่ก็มาคิดในแง่ดีว่าเป็นการบริจาคเงินให้ห้องสมุดบ้าง เพราะเราได้อะไรมากมายจากที่นี่
       ถ้าเรียนจบจากที่นี่แล้ว คงจะคิดถึงห้องสมุดที่่นี่มากกกกกก มันรู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูก หนังสือเล่มเก่า โต๊ะเก้าอี้ คุณครูบรรณารักษ์ หรือความเงียบสงบที่ส่วนใหญ่หายากในโรงเรียน หวังว่าสักวันเราจะได้มอบสิ่งดีๆให้ที่แห่งนี้บ้างน้าา~~~~

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Now I can't do anything.
I don't have any motivation.
I don't have any inspiration now.
My heart breaks so often, again, again and again. Why is this world is so unfair? Why? Why my life is full of disappointment? 
I just want to escape! But why can't I? 
I don't know what I am trying for.
I want to stop everything! Why my dream sounds so impossible?
For someone, my dream is really small. But why it's big for me? It's very easy for them, but why it's hard for me?
What should I do?
Who am I supposed to be?
Where exactly I want to be?

If I continue going, i'll be sure to get hurt
But if i don't continue going, i'll be sure to be in despair  
What is the right way? And what is the wrong way?
I'm too tired.

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าหนุ่มที่ปุ่น 3

      ว่ากันด้วยเรื่อง "ความซื่อตรง" ของชาวญี่ปุ่น เราๆก็รู้ดีว่าพวกเขาเป๊ะเวอร์ขนาดไหน ยิ่งเป็นหนุ่มบางคนนะแหมมมม ซื้ออออซื่อ แต่ก็ไม่ได้ซื่อบื้อนะ ความซื่อของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป ที่เราได้ประสบพบเจอยากพี่ยุ่นก็คือ...
        เรื่องมันมีอยู่ว่าอิฉันได้รับการเลื่อนยศ เลื่อนความสัมพันธ์จากกิ๊ก มาเป็นลูกน้อง ของผู้บ่าวญี่ปุ่นคนหนึ่ง (ปกติเค้าจะเลื่อนจากลูกน้องมาเป็นกิ๊ก >< มีแต่อินี่คนเดียวละมั้งที่สามารถทำแบบนี้ได้ 5555) คือนางก็จะจ้างเราทำงานนู้นทำนี่ จ่ายเป็นครั้งๆไป เหมือนเป็น Part-time job ไง คือตอนคุยกันแบบกิ๊กๆ นางก็จะชอบแอบใช้เราทำนู้นทำนี้ให้หน่อย แล้วบังเอิญว่าเราก็ทำให้มันดีซะด้วย ใช้บ่อยเข้าๆ เราเริ่มจะง้องแง้ง นางเลยตัดสินใจจ้างเราเลย(ป่าวเห็นแห่เงินนะ 55555) ที่แรกที่มันเสนอมาเราก็ไม่ได้คิดไรมาก รับปากทำๆไป แอบอยากได้เงินเพิ่มบ้างไรบ้าง -,,- 
       คือแบบจ็อบแรกที่มันจ้างเรา ก็ไม่ได้เป็นงานยากอะไร ทำนิดๆน่อยๆ ติดต่อคุยกันคนไทยสองสามคน พอเสร็จภารกิจแล้ว อิบอสที่อดีตคือกิ๊กของเรามันก็สรุปรายได้ของเราในจ็อบแรกมาให้เราดู มันก็เป็นรายได้หลักร้อยแหละ เพราะงานเบาๆ ก็เป็นอันว่าได้ X10.00 บาท คือพูดง่ายๆคือ มันลงท้ายด้วย 10 บาท เราก็โอเคๆไม่คิดไรมาก เพราะยังไงแล้ว มันต้องโอนเงินค่าจ้างผ่าน ATM อยู่แล้ว มันคงจะเพิ่มให้อีก 90 บาท ปัดให้เป็นจำนวนเต็มร้อย จะได้เบิกมาใช้....
       พอนางโอนปุ๊ปนางก็ไลน์มาบอกให้ไปเช็คด้วยว่าได้เงินหรือยัง เราก็ตื่นเต้นดี๊ด๊า เพราะนี่คือจ็อบแรก พอไปหน้าตู้ atm ใส่บัตรแล้วกดรหัสอย่างลั้นลา ตื่นเต้นที่ได้ดูว่ายอดเงินในบัตรมันเพิ่มขึ้น :D แต่ที่ไหนได้....มันก็โอนให้เรา X10.00 บาทเป๊ะๆ ตามที่มันบอกไว้เลยจ้าาาาาาาา เราเห็นแล้วปรี๊ดดดดดดดดดดดดดด แตกเลยทันที 55555 คือแบบ ตรูถามหน่อยว่าตรูจะเอาอิ 10 บาทนั่นออกมาจากตู้ได้ยังไง???? คิือนางซื่อสุดๆๆๆๆๆ จนเราเฟลไปเลย >O<
       แต่เราก็เข้าใจว่าไอ่สิบบาทนั่นน่ะ มันก็สามารถเก็บไว้ได้ เอาไว้เป็นค่าธรรมเนียมเวลากดตู้ของธนาคารอื่นไรงั้นงี้ แต่คือแบบ ไอ่เราก็คาดหวังว่าฮีจะสปอร์ต ให้ทงให้ทิปเราบ้าง ไม่มีเลยจ้าาา 5555 เจอความซื่อของบอสไปแล้วเงิบบบบ บอกกับตัวเอง "ไม่เอาอีกแล้วโว้ยยยย ทำงานกับคนญี่ปุ่น"



วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สวัสดี หลังจากนี้ไปขอให้รู้จักผมไว้นะ เพราะจากนี้เป็นต้นไปผมจะเป็นคนกำหนดทุกๆอย่างของคุณเอง
จำชื่อผมไว้นะ
จำหน้าตาของผมไว้
จำน้ำเสียงของผมไว้
อย่าลืมมันง่ายๆล่ะ ผมไม่ยอมหรอก
โอเค...จำทุกอย่างเกี่ยวกับผมได้ละใช่มั้ย? เล่าล่ะ ฟังผมนะแล้วทำตามที่ผมสั่ง! 
เฮ้ ยิ้มหน่อยสิ :) เออ...นั่นแหละ ดีแล้วๆ
ไหนๆ ขอลองฟังเสียงหัวเราะหน่อย หัวเราะออกมาให้สุดเสียงนะ
ดีมากๆ เริ่มชอบผมขึ้นมาหรือยัง? ต้องชอบสิ ชอบผมสิ!
โอเค ชอบละนะ ขอดูใบหน้าของคุณที่มีน้ำตาอาบที่แก้มหน่อย โชว์ให้ผมดูหน่อยซิ
นั่นแหละๆ เศร้าใช่มั้ยหล่ะ คิดถึงผมให้ๆบ่อยๆนะ หลังจากนี้ผมขอให้คุณคิดถึงแต่ผมทุกๆเวลา ไม่ว่าคุณจะกิน จะนอน จะอะไรก็แล้วแต่ 
เอาจะลองหายไปสักช่วงหนึ่งนะ...
ร้องเรียกหาผมสิ
พยายามติดต่อผมเร็วเข้า!
กรีดร้องสิ
โอดครวญให้ถึงที่สุด
ดิ้นทุรนทุรายด้วยสิ!
อยู่อย่างต้องการผมสิ!
คำพูดอันแสนหวานของผม...อิ่มเอมใจกับมันหน่อยนะ
คำพูดที่ทิ่มแทงของผม...เป็นทุกข์กับมันด้วยนะ
ยืนขึ้นแล้วออกไปเริงระบำกลางสายฝนตอนนี้เลย
พอ หยุด! กลับเข้าไปในห้อง ขังตัวเองไว้
เป็นบ้าสิ เห็นมั้ย นรกอยู่ข้างหน้าคุณเนี้ย
หรือว่าคุณอยากไปเชยชมสวรรค์บ้างมั้ย?
เอ้า ท้อแท้บ้างสิ ไม่ต้องทำอะไรแล้ว
ไม่เอาๆ มีความหวังดีกว่า ฮึ้ดสู้นะ สู้ๆ
ไล่ผมไปไกลๆเลย เชิญ
เรียกผมกลับมาเดี๋ยวนี้เลย!
.....อะไรนะ? ทนไม่ไหวแล้วหรอ?
มันไม่ดีหรอ? คุณได้ทั้งในสิ่งดี และสิ่งไม่ดีจากผม คุณไม่ชอบหรอ?
....ออ อย่างนั้นเองหรอกหรอ? ผมบอกแล้วว่าผมไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆหรอก...แต่ถ้าหอกคุณพยายามนะ ไม่แน่ว่าสุดท้ายมาผมอาจต้องยอมจำนนต่อคุณก็ได้
งั้นเรามาแข่งกันดีมั้ย ผมต่อให้คุณวิ่งออกไปก่อน แล้วผมจะตามหลัง แล้วเมื่อไหร่ที่ผมจับคุณได้ คุณก็จะต้องตกอยู่ภายใต้อิธิพลของผม แต่คุณก็มีสิทธิที่จะหนีไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนกว่าคุณจะแข็งแกร่งพอที่จะจากผมตลอดไป
.....
....
....
1 2 3
เข้าที่
ระวัง
ไป!

วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557

บ่น 001

Everything is SOON!

      ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่รุ่มเร้าจริงๆ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างใกล้เข้ามาเต็มที ทั้งเรื่องเรียน เรื่องสอบเข้ามหาลัย เรื่องเงิน เรื่องทั่วไปของชีวิต โฮฮฮฮฮ ชีวิตช่างเศร้า แต่ก็จะทำไงได้ เวลามันวิ่งมตลอดใช่ป่ะ เราก็ต้องพยายามวิ่งตามมันให้ทันแค่นี้แหละ T^T
      มาคิดๆดูแล้วนะ คณะในฝันที่อยากเข้ามันก็ดูโคตรจะเป็นความฝันจนเกือนไป มันช่างดูสูงลิ่วเกินกว่าที่เราจะคว้ามันได้ แต่ก็คุยกันกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆละ ส่วนใหญ่พวกเขาให้กำลังใจเราว่า "ของงี้ไม่ลองไม่รู้เว้ย" ถ้าคุณมรึง(เจือก)อยากเล่นของสูง มึงก็ต้องมีความพยายามสูงมากๆ 
หวังว่าถ้า ณ วันนี้ความพยายามสูงเท่าความฝัน ณ วันนั้นเราคงได้เจอกันนะ...คุณคณะ+มหาลัยในดวงใจ 

ปล. ถ้าเอาเวามานั่งอัพบล็อคไปอ่านอิ้ง ไทย สังคม คงจะดีกว่าสินะ :P 
แต่อัพบล็อคมันหนุกดีอ่า เพลินๆ พร่ำๆเพ้อๆกับตัวเอง 555
    

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Go forward!

Leave the old shit behind and keep on going forward!

          เป็นอะไรที่สมควรบอกกับตัวเองมานานแล้ว ถึงเวลาทิ้งอะไรต่างๆที่มันไม่ดีไม่งามอีกต่อไปไว้ข้างหลัง เพราะหลังจากนี้เป็นต้นไปชีวิตต้องเดินหน้าข่าาาา สู้โว้ยยย!! เส้นทางอีกยาวไกลมากกกกก ฉันจะไม่คิดถึงมันอีกต่อไป ฉันจะก้าวต่อไป

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

พอแล้ว

บางครั้ง เรื่องบางเรื่องก็คงต้องยอมจำนนต่อโชคชะตา บางครั้งก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันคงไปต่อไม่ไหว ยอมแล้ว ไม่ดันทุรังแล้ว แค่ไหนแค่นั้น ในเมื่อคำตอบมันจ่ออยู่ที่ตรงหน้าประตูแล้ว จะพยายามเปิดประตูมองข้ามคำตอบแล้วเข้าไปข้างในให้เหนื่อยอีกทำไม?


วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2557

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าหนุ่มญี่ปุ่น 2

ว่าด้วยเรื่อง การกินเพื่อสุขภาพ ของหนุ่มเมืองปลาดิบ

นี่เป็นบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเรากับอดีตกิ๊กเมืองปลาดิบ เจแปน เอาเป็นว่าใช้ชื่อ Tซัง ละกัน
Tซัง:  หิวข้าววว
เรา:    หรอ ตอนนี้ก็ดึกแล้วด้วย ไปหากินในเซเว่นเถอะ
Tซัง:  หมายถึงข้าวกล่องในเซเว่นหรอ?
เรา:    อื้ม ใช่ อร่อยนะ
Tซัง:  ไม่อร่อยนะ ไม่ดีต่อสุขภาพด้วยนะ! *ทำเสียงจริงจัง*
เรา: ...... -,,- *นึกย้อนไปตอนประมาณ 5 นาทีที่แล้ว*
5 นาทีที่แล้ว ตอนโทรมาหา
Tซัง: ฮัลโหล ตอนนี้อยู่ศรีราชานะ มาดูงานกับคุณพ่อ
เรา: อ้าว หรอ แล้วเป็นไงมั่ง
Tซัง: ก็ดีนะ
เรา: แล้วพักที่ไหนน่ะ? โรงแรมหรอ?
Tซัง: ช่าย ตอนนี้อยู่ที่ระเบียง เค้าให้สูบบุหรี่ป่ะ?
เรา: ระเบียงหรอ ได้สิ
Tซัง: โอเค ดีๆ
จากนั้น Tซัง ก็คุยโทรศัพท์ไปด้วยสูบบุหรี่ไปด้วยอย่างสบายใจเฉิบบบ...

คือแบบว่า เราไม่ได้จะบอกว่ากินข้าวกล่องเซเวนแล้วดีนะ แต่ก็คิดว่ามันดีกว่าสูบบุหรี่ป่ะ? 55555 เอะอะอะไรก็ไม่ดีต่อสุขภาพ ต้องทานอาหารญี่ปุ่น เน้นผักับปลา healthy อย่างนู้นอย่างนี้ แต่พี่แกสูบบุหรี่จัดเนี่ยนะ >< เพลียข่าาาาาา

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "หนุ่มญี่ปุ่น" 1

 1 
พี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากจัง

         ว่าด้วยเรื่องของหนุ่มญี่ปุ่น สาวไทยแทบจะ 90 %ขึ้นไป(มั้งนะ เดาเอา 5555) บอกกันเป็นเสียงเดียวเลยว่า "เข้าใจยาก" ซึ่งเราก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี มันต้องลองสัมผัสดู แล้วจะรู้ว่าไอ่ที่เข้าใจยากนั้นมันคืออะไร
         เท่าที่เราเคยคุยด้วยนะ คือเราไม่รู้ว่าเค้าจะยังไงกันแน่ มันงงๆมึนๆ >< เหมือนจะอยากคุยด้วย เหมือนจะมีใจให้ แต่ฮีแกก็ไม่ยอมรุกซักที ปล่อยสาวไทยใจกล้าหน้าด้านเริ่มก่อนตลอดดดด(เอ๊ะ หรือเราคิดไปเองหว่าาาาา :P )

  •           พี่แกไม่ค่อยพูดตรงๆเท่าไหร่ อ้อมค้อมไปอ้ออมค้อมมา มันก็ทำให้เราสับสนเหมือนกันนาา
  •           พี่แกงานคืออันดับ 1 อิจิบังเสมอ >< แต่อันนี้เราเข้าใจนะ
  •           พี่แกกวนทรีนแบบเนียนๆ ยังไงไม่รู้ เรารู้สึกได้ 55555
  •          เราเดาอารมณ์พี่แกไม่ถูก<---นี่แหละ อันที่ว่าเข้าใจยากฝุดๆ แล้วแต่อารมณ์จริงๆนะ 

          
          มีอีกเป็นร้อยเป็นล้านอันที่เราไม่เข้าใจ ไว้ถ้าคิดออกเราจะมาอัพต่อนะ 5555 แต่ที่แน่ๆคือพี่ยุ่นแกชอบทำให้เรางง เราพยายามจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจซักที ไม่รู้อ่ะ มันต้องลองคุยดูถึงจิรู้ >< เอาเป็นว่าเอนทรี่นี้เราแค่อยากบ่น :D

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

ไว้เจอกันใหม่นะ เชียงใหม่...

จะคิดถึงทุกๆอย่างที่เคยทำ
จะคิดถึงที่เรียนที่สนุกสนาน
จะคิดถึงครูที่น่ารักทุกคน
จะคิดถึงเพื่อนร่วมห้องที่ที่เฮฮา
จะคิดถึงร้านตามสั่งชื่อว่าโนเนม
จะคิดถึงร้านน้ำปั่นเจ๊คนนั้น
จะคิดถึงถนนรอบๆวัดพระสิงห์
จะคิดถึงหอพักที่ใช้หลับนอน
จะคิดถึงรูมเมททั้งสองคน
จะคิดถึงร้านขายของชำฝั่งตรงข้าม
จะคิดถึงอารักษ์ 7
จะคิดถึงความวุ่นวายบนถนนเรียบคูเมือง
จะคิดถึงเหล่ารถแดงที่วิ่งเกลื่อนเมือง
จะคิดถึงสำเนียงภาษาเหนือที่คลาสสิก
จะคิดถึงตอนที่ทำโทรศัพท์ตกคูเมือง
จะคิดถึง
จะคิดถึง
จะคิดถึงเป็นอย่างยิ่ง

วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557

แปลเพลง 螢 Hotaru -RADWIMPS

螢 Hotaru หิ่งห้อย

เพลงนี้ความหมายดีมากๆ หนึ่งในเพลงโปรดของเราเลย อยากให้ลองฟังกันดูค่ะ
แนะนำติชมด้วยนะคะ
ปล.เราแปลมาจากภาษาอังกฤษอีกทีค่าาาา ><


 


虹の始まる場所を探したんだよ
Niji no hajimaru basho wo sagashitanda yo
ผมตามหาปลายทางของสายรุ้ง
 余った光をもらいに行ったよ
Amatta hikari wo morai ni itta yo
ผมไปเอาแสงส่วนหนึ่งของมันมา
光ってないとね
Hikattenai to ne
แต่มันไม่ได้สว่าง
誰も僕を見ないんだよ
Daremo boku wo minain da yo
จึงไม่มีใครเห็นผมเลย
分かったフリでもいいから
Waka tta furi demo ii kara   
มันคือความล้มเหลว แต่ก็ไม่เป็นไร
あの火の鳥を僕は探したんだよ
Ano hinotori wo boku wa sagashitandayo
ผมตามหานกฟินิกซ์ 
余った羽をもらいに行ったよ
Amatta hane wo morai ni itta yo
จากขนที่มากมายของมัน ผมไปเอามันมาอันหนึ่ง
でもね 僕にはどれも大きすぎて
Demo ne boku ni wa dore mo ooki sugite
แต่คุณรู้หรือไม่ว่า สำหรับผมแล้ว ทั้งสองอย่างมันใหญ่เกินไป
求める理由(いみ)は小さすぎて
Motomeru imi wa chiisa sugite
และเหตุผลที่จะตามหามันก็น้อยเกินไป
光って消えるただそれだけと知りながら
Hikatte kieru tada sore dake to shiri nagara
ทั้งหมดเท่าที่ผมรู้ว่าควรจะทำอย่างไร คือ ส่องแสงสว่าง และ หายไป
光る僕はきれいでしょう?
Hikaru boku wa kirei deshou?
แต่ก็นะ ตัวผมที่ส่องแสงแสงมันสวยดี คุณว่ามั้ย?
濁って見えた明日が晴れるその理由は
Nigotte mieta ashita ga hareru sono wake wa
มันมีหนทางที่จะทำให้พรุ่งนี้ที่หม่นหมองกลับมาสว่างอีกครั้ง
もう誰にも聞かないから
Mou dare nimo kika nai kara
และก็ไม่มีใครได้ยินอีกต่อไป
いいよ 僕には名前はないけど
Ii yo boku ni wa namae wa nai kedo
ไม่เป็นไรหรอก ผมน่ะไม่มีชื่อ
 僕が消えるときはちゃんと泣いてよ
 Boku ga kieru toki wa chanto naite yo
แต่เมื่อผมหายไป ผมมั่นใจว่าผมต้องร้องไห้แน่ๆ
そのとき 一番眩しかった星に
ณ เวลานั้นผมอยากให้ดวงดาวที่สว่างไสวที่สุด มาตั้งชื่อให้ผม
Sono toki ichiban mabushikatta hoshi ni
僕の名前つけてほしいな
Boku no namae tsukete hoshii na
嬉しいこと 悲しいことはいつも
Ureshii koto kanashii koto wa itsumo
สิ่งที่เป็นความสุขและสิ่งที่เป็นความเศร้า มันมักจะ 
半分コずつなの
Hanbun kozutsu na no
ถูกแบ่งเป็นครึ่งเสอม
だからそう
Dakara sou
เพื่อที่
最期はゼロになれるの
Saigo wa zero ni nareru no
สุดท้ายมาทุกสิ่งจะได้กลายเป็นศูนย์
光って消えるただそれだけ信じながら
Hikatte kieru tada sore dake shinji nagara
 ทั้งหมดที่ผมเชื่อว่าผมทำได้คือส่องแสงสว่างและหายไป แต่ยังไงก็ดี
歌う僕はここにいるよ
Utau boku wa koko ni iru yo
ผมคนที่กำลังร้องเพลงอยู่ที่นี่แล้ว
作ってみせるその笑顔も愛しいから
Tsukutte miseru sono egao mo itoshii kara
รอยยิ้มที่คุณจะสร้างไปเรื่อยๆนั้นมันล้ำค่ามาก
もう昨日を探さないでよ
 Mou kinou wo sagasa nai de yo
ดังนั้น ได้โปรดอย่ามองหา “เมื่อวาน” อีกเลย
 光って消えるただそれだけと知りながら
Hikatte kieru tada sore dake to shiri nagara
ทั้งหมดที่ผมรู้คือ ให้ส่องแสงและหายไป แต่ก็นั่นแหละ
光る僕はきれいでしょう?
 Hikaru boku wa kirei deshou?
ตัวผมที่ส่องแสงมันสวยดี คุณว่ามั้ย?
 だからね 痛む胸に光る種を乗せて
Dakara ne itamu mune ni hikaru tane wo nosete
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ในใจที่ปวดร้าว ผมจะเก็บดูแลเมล็ดของแสงไว้
 
幸せだねって言えるまで
Shiawase da ne tte ieru made
จนกว่าผมจะพูดได้เต็มปากว่า นี่มันคือความสุขแน่ๆ
 光ってたいの
 Hikattetai no
ผมอยากส่องแสงสว่างสไว
 奪って逃げるただそれだけの命なら
Ubatte nigeru tada sore dake no inochi nara
และถ้านี่จะเป็นชีวิตที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากการขโมยและวิ่งหนีไป…

แปลเพลง 携帯電話(Keitaidenwa)-RADWIMPS

มือใหม่ฝึกแปลค่ะ ติชมให้คำะนนำกันด้วยนะคะเราแปลมากจากภาษาอังกฤษอีกทีหนึงค่ะมันอาจไม่เป๊ะทั้งหมดนะคะ ขอโทษด้วยค่ะ T^T


RADWIMPS-携帯電話(Keitaidenwa) โทรศัพท์มือถือ
今日も携帯電話を
ポッケに入れて歩くけど
待てど暮らせど
あの人からの連絡はなくて
วันนี้ก็เหมือนกับทุกๆครั้ง ผมออกจากบ้านพร้อมมือถือในกระเป๋า
แต่ก็ไม่เคยได้รับสายจากคนๆนั้นหรอก
まるで寂しさをポッケに入れて歩いているような
そんな こんな僕です
รู้สึกเหมือนเอาความเหงามาใส่ในการะเป๋า
แต่นั่นมันก็คือตัวผมแหละ
いっそ携帯なんて
捨ててしまおうかと思うけど
電話帳にいくつもの
名前が入っていて
ผมมีความคิดที่จะโยนมือถือทิ้งไปซะ
แต่รายการและรายชื่อในสมุดโทรศัพท์นั้น...
まるで友達を携帯しながら
生きているような
そんな 変な僕です
ทำให้รู้สึกเหมือนใช้ชีวิตพร้อมกับแบกเพื่อนๆไว้รอบๆ
แต่ก็นะ นั่นมันก็แค่ผมที่ทำตัวแปลกประหลาด
もうわけが
わかんなくなっちゃって
一人ぼっちになりたくなって
ผมรู้สึกเหมือนว่าผมจะไม่เข้าใจอะไรอีกทั้งนั้น
อยู่ๆผมก็อยากอยู่คนเดียว
電源を切って
僕におやすみ
ผมก็เลยปิดมัน แล้วบอกฝันดีกับตัวเอง
こんなものが無ければ
今日も僕は一人だと
思い知らされることもなく
生きてけたんだろう
ถ้าหากไม่มีสิ่งนี้นะ ผมจะสามารถใช้ชีวิตต่อได้อีกวัน
โดยที่ไม่ได้ถูกย้ำเตือน
ว่าผมอยู่คนเดียว
แต่ก็เพราะว่าสิ่งนี้มันมีอยู่จริงๆ
ผมจึงได้ไปอยู่ในกระเป๋าของคนอื่น แม้แต่วันนี้
だけどこれがあるから
今日もどこかの誰かの
ポッケの中に僕の居場所が
あるんだろう
แต่ก็เพราะว่าสิ่งนี้มันมีอยู่จริงๆ
ผมจึงได้ไปอยู่ในกระเป๋าของคนอื่น แม้แต่วันนี้ก็เหมือนกัน
ふいに携帯電話を
暇つぶしがてら見ていると
あのケンカも
あの約束も残っていて
ในเวลาว่างของผม
ผมเหลือบมองมือถืออยู่บ่อยๆ
ทำให้นึกถึง "การทะเลาะครั้งนั้น" "สัญญาครั้งนั้น" มันอยู่ในนั้นหมด
まるで僕の歴史を携帯しながら
生きているような
そんな こんな僕です
ผมรู้สึกเหมือนว่าใช้ชีวิตไปพร้อมๆกับการกุมความหลังของผมทั้งหมด
แต่นั่นมันก็เป็นตัวผม
さらに電話帳の名前を
ぼんやりと眺めてると
どうにもこうにも
思い出せない人がいて
นอกจากนี้นะ 
ผมดันละเมอไปค้นสุมดโทรศัพท์ดู
มันชื่ออยู่จำนวนหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็จำไม่ได้
まるで僕よりも
僕の事をわかっているような
そんな 変な箱です
รู้สึกเหมือนกับว่ามันเข้าใจผมดีกว่าที่ผมเข้าใจตัวเองอีก
เจ้ากล่องสี่เหลี่ยมประหลาดนี่แหละ
もう何も
わかんなくなっちゃって
僕を僕のものにしたくなって
ผมรู้สึกเหมือนว่าผมไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นอีกแล้ว
ผมอยากเป็นตัวของตัวเอง
電源を切って
僕に「お帰り」
ผมจึงปิดมันซะ แล้วบอกตัวเองว่า "ถึงบ้านละนะ"
こんなものがなければ
今日の君がいないことを
思い知らされる事もなく
生きていけたんだろう
หากไม่มีสิ่งนี้อยู่ ผมก็สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อีกวันหนึงโ
ดยไม่ต้องถูกย้ำเตือนว่า
เธอไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว
こんなものがあるから
忘れていいようなことも
何ひとつ失くせずに
いつまでもずっと残っている
แต่ก็เพราะว่ามันมีอยู่จริง
แม้แต่ความทรงจำที่ไม่ค่อยสำคัญ ยังอยู่แบบไม่รู้ลืม
だけど だから
今日もポッケに入れて
僕は歩いてく
วันนี้ก็เหมือนกับ
ทุกๆครั้ง ผมอกไปข้างนอกโดยมีโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋า
見えもしない 聴こえもしない
君と繋がっている不思議
ผมไม่ได้เห็นคุณแม้แต่น้อย
ผมไม่ได้ยินคุณแม้แต่น้อย
แต่เราถูกเชื่อมต่อแบบแปลกๆ
見えない糸が張り巡った
その中で今日も僕は生きている
その中で今日も僕は探してる
ถูกเชื่อมด้วยสายล่องหน
ในนั้น ผมอยู่มาจนถึงวันนี้
ในนั้น ผมยังคงมองหามาจนวันนี้
こんなものがなければ
今日も君はいないこと
君と確かにいたこと
すぐ隣にいたこと
หากสิ่งนี้ไม่มีอยู่นะ
ในความจริงที่ว่าคุณไม่ได้อยู่ที่นี่วันนี้
ในความจริงที่ว่าครั้งหนึ่งเราเคยอยู่ด้วยกัน
ในความจริงที่ว่าคุณเคยอยู่เคียงข้างผม
そんなことのすべてを
僕と君のすべてを
失せそうにもないこと
忘れられそうにもないこと
ทั้งหมดทั้งมวล
ทั้งหมดเกี่ยวกับคุณและผม
ไม่สามารถแม้แต่จะซ่อนมันได้
ไม่สามารถแม้แต่จะถูกลืม
だけどこれがあるから
こんなものがあるから
今日もどこかにいる君の
ほんの少しだと知っても
แต่เพราะว่าสิ่งนี้มันมีอยู่
เพราะว่ามันมีสิ่งนี้อยู่จริง
ผมสามารถมั่นใจได้ แม้ว่าจะน้อยนิดก็ตาม
ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนวันนี้
その中のどっかに僕の居場所があるんだろう
ข้างในนั้น มันมีที่ๆเป็นของผม